วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2556

ประเภทของหลอดไฟ LED และเทคนิคการเลือกซื้อหลอดไฟ LED อย่างชาญฉลาด

               เทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องส่งผลให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ  ออกมาให้เราได้ใช้ประโยชน์กันอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีสื่อสาร Smart Phone ที่ทำตลาดในวงกว้างอย่างมากมาย อีกมุมหนึ่งคือเทคโนโลยีที่จะทำให้โลกของเรามีอายุยาวนานขึ้น คือ พลังงาน นับได้ว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่กี่ปี ทั้งโลกหันมาใส่ใจเรื่องพลังงาน การประหยัดพลังงาน การอนุรักษ์พลังงาน กันอย่างแพร่หลาย เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่า ชีวิตต้องการพลังงาน
         กับเทคโนโลยีเพื่ออนาคตที่ทั้งโลกยอมรับคือ หลอดประหยัดไฟ LED หากเราจะเลือกผลิตภัณฑ์หลอดไฟ LED ไปใช้เราควรรู้อะไรบ้าง เทคนิคในการเลือกซื้ออย่างไร มีข้อควรระวังอย่างไรบ้าง
ก่อนอื่นต้องทราบประเภทของหลอดไฟ LED ก่อน  เฉพาะหลอดไฟ LED ส่องสว่างเท่านั้น ก็จะมีคำจำกัดความมากมายทั้งคำจำกัดความหน่วยงานราชการก็อย่างนึ่ง  คำที่ใช้ในท้องตลาดก็อย่างนึ่ง  แต่เราจะพูดถึง  คำที่เราสามารถเลือกซื้อหลอด  LED  จากผู้ขายได้.
หลอดไฟ  LED แบ่งเป็น  3  ประเภท ง่ายๆ  คือ
  1. หลอดไฟ LED ใช้ภายในอาคาร อาทิ เช่น  BULB , TUBE, DOWN LIGHT, T-BAR, PAR LIGHT,  PENDANT LIGHT
  2. หลอดไฟ LED ใช้ภายนอกอาคาร  อาทิ เช่น  FLOOD LIGHT, HIGH BAY, STREET LIGHT
  3. หลอดไฟ LED ตกแต่ง อาทิ เช่น  STRIP LIGHT  (ไฟเส้นตกแต่ง), LAND SCAPE LIGHT, TRACK LIGHT

และในคำศัพท์บางคำที่เราไม่คุ้นเคย เช่น BULB,PAR LIGHT, FLOOD LIGHT นิยามคำใหม่ๆเหล่านี้ ถ้ามองผลิตภัณฑ์แล้วมันคือ อะไร และมาแทนที่อะไรมาดูกันเลย เช่น



จากเดิมเราใช้หลอดตะเกียบ 18W เปลี่ยนเป็น BULB LED เท่ากับไม่เกิน 7w แต่ยังคงได้ประมาณแสงสว่างเท่าเดิม



หน้าตาของ Par light LED มีขั้ว E27 และ MR-16 (ทั้ง 220V และ 12V)




หน้าตาของ Floodlight LED


หน้าตาของ High Bay LED




เมื่อเรารู้จักหน้าตาของหลอดไฟแต่ละประเภทแล้วหากต้องการเลือกซื้อมาใช้จะต้องพิจารณาจากสิ่งใดบ้าง ดังนี้
1.ควรพิจารณาว่า  หลอดที่ซื้อนำไปติดตั้งแทนของเดิม (REPLACE) หรือ ติดตั้งใหม่  ถ้าแทนที่ของเดิมขั้วหลอดต้องเหมือนกัน เช่น ขั้ว E27,G13
2.ต้องสังเกตุว่าหลอดแต่ละยี่ห้อมีข้อควรระวังและข้อห้ามอะไรบ้าง  เช่น หลอด  LED TUBE T8 ต้องเอาบัลลาตและสตาร์เตอร์ออกเสมอ
3.ค่ากำลัง WATT ของหลอดควรไม่เกิน เศษ 1 ส่วน 3  ของค่ากำลัง WATT ของหลอดแบบเดิม (หลอดตะเกียบ,หลอดฟลูออเรสเซนต์)
4.ค่าประสิทธิภาพเชิงปริมาณของแสงที่หลอดทำได้ไม่ควรต่ำกว่า  70lm/w
5.ถ้านำไปติดตั้งภายนอกหรือกลางแจ้งจะต้องใช้หลอดที่กำหนดค่า  IP  ไม่ต่ำกว่า IP 65
6.มาตรฐานที่บริษัทหรือสินค้าได้รับ เช่น มอก, CE, ISO, EMC , LVD , ROHS
7.เงื่อนไขการรับประกันของสินค้า
8.ช่องทางการติดต่อสอบถามหรือการรับบริการจากผู้จัดจำหน่าย

   ผมว่า หากผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อและเปรียบเทียบได้ตามรายการข้างต้นทั้ง 8 ข้อแล้วก็นับได้ว่าเป็นผู้ที่ชาญฉลาดรอบคอบ มีการพิจารณาก่อนตัดสินใจได้อย่างยอดเยี่ยม หากวิศวกรหรือผู้มีหน้าที่ในการจัดซื้อต้องการข้อมูลทางเทคนิคมากขึ้น ในแต่ละบริษัทฯ จะมีผู้เชื่ยวชาญโดยตรง สามารถติดต่อเพื่อขอข้อมูลทางเทคนิค หรือ  ขอรับการสาธิตทดสอบเชิงประสิทธิภาพได้ครับ


อ่านบทความอื่นๆต่อดังนี้

1 ความคิดเห็น: